วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แนะนำตัวเอง

แนะนำตัวเอง
ชื่อนายณราวุฒิ  วรชิน            ชื่อเล่นเติ้่ล    อายุ 23 ปี 
กำลังศึกษาสาขาวิชาพลศึกษาและการจักการกีฬา คณะครุศาสาตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
กีฬาที่เล่น ฟุตบอล  ตำแหน่งกองกลาง





กิจกรรมที่ได้ทำให้กับสังคม


 










ทักษะการเล่น


ทักษะเบื้องต้นในการเล่นฟุตบอล
แนวคิด
การเล่นกีฬาฟุตบอลให้เกิดประสิทธิภาพ ผู้เล่นต้องเรียนรู้จนเกิดทักษะพื้นฐานหลายด้านอาทิ การเคลื่อนไหวเบื้องต้น การทำความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล การหยุดหรือบังคับลูก ทักษะเหล่านี้มี
ความละเอียดอ่อน และเป็นพื้นฐานสำหรับเทคนิคการเล่นอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนจนชำนาญ และเป็นทักษะที่ต้องการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

การทรงตัว
การทรงตัวเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่มีความสำคัญในการฝึกกีฬาทุกชนิด เพื่อการเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว สามารถทำให้การเล่นกีฬาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สนุกสนานเร้าใจท่าทางการทรงตัว
ที่ผู้เล่นฟุตบอลควรฝึกหัด มีดังนี้
1. ทำการทรงตัวและจังหวะการใช้เท้าทั้งบนพื้นดินและในอากาศ
2. การถ่ายน้ำหนักตัวไปสู่เท้าหลัก เมื่อมีการครอบครองลูก เตะลูกหรือเลี้ยงลูกฟุตบอล
3. การวิ่งตามแบบของฟุตบอล เช่น วิ่งไปที่มุมสนาม วิ่งหาช่องว่าง วิ่งตัดกันเพื่อหลอกคู่ต่อสู้
4. การวิ่งซิกแซ็ก เพื่อการหลบหลีกเมื่อเลี้ยงหรือครอบครองลูก




(จังหวะการทรงตัวในการเลี้ยงบอลและหลบหลีกคู่ต่อสู้)

การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ถอยหลัง ไปทางซ้าย ไปทางขวา
มีวิธีการฝึกดังนี้
1. ทิ้งน้ำหนักตัวไปสู่ทิศทางที่จะเคลื่อนที่ไป ตาจับอยู่ที่ลูกบอล
2. เคลื่อนเท้าที่อยู่ในทิศทางที่จะเคลื่อนไป นำไปก่อน แล้วจึงเคลื่อนเท้าอีกข้างหนึ่งตามไปโดยเร็ว เช่น ไปทางซ้ายให้ก้าวเท้าซ้ายนำไปก่อน แล้วก้าวเท้าขวาตามไป
3. การใช้ปลายเท้าสัมผัสพื้น ช่วยให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้น

การสร้างความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล
พื้นฐานของการเล่นฟุตบอลที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การสร้างความสัมพันธ์หรือความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอลเป็นอย่างดี กล่าวคือ การเล่นลูกฟุตบอลต้องสามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นลูกแบบใดก็ตาม การที่ผู้เล่นคุ้นเคยกับลูกฟุตบอลจะส่งผลให้การครอบครองบอล การเคลื่อนที่ในลักษณะต่างๆ การควบคุมบังคับทิศทางของลูกฟุตบอลเป็นไปด้วยความแม่นยำ ดังนั้น จึงควรให้ผู้เล่นฝึกความคุ้นเคยให้ชินกับลูกฟุตบอลมากที่สุด

วิธีการสร้างความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล
1. วางเท้าบนลูกฟุตบอลแล้วคลึงด้วยฝ่าเท้าไปมาหน้า หลัง ซ้าย ขวา โดยให้อยู่กับที่ ให้ทำทั้งเท้าซ้าย-ขวา
2. ทำเหมือนข้อที่ 1 แต่ให้เคลื่อนที่ไปตามทิศทางต่าง ๆ ด้วย
3. ใช้ฝ่าเท้าตบลูกฟุตบอลให้กระดอนขึ้น-ลง โดยใช้เท้าซ้ายหรือขวาสลับกัน
4. วางเท้าด้านในติดกับข้างลูกฟุตบอล ใช้ข้างเท้าด้านในปาดเหนือลูกมาอีกด้านหนึ่งของลูก ตอนนี้ลูกฟุตบอลจะอยู่ข้างเท้าด้านนอก แล้วใช้เท้าด้านนอกปาดลูกกลับไปอีกด้านตามเดิม แล้วให้ฝึกสลับเท้าด้วย
5. งัดลูกฟุตบอลด้วยปลายเท้าให้ลูกลอยขึ้นในอากาศ หยุดลูกด้วยหลังเท้า หรือฝ่าเท้า
6. งัดลูกฟุตบอลด้วยปลายเท้าให้ลูกลอยขึ้นในอากาศ แล้วเดาะลูกด้วยเท้า เข่า หน้าอก ศีรษะ สลับกัน
7. ทำเหมือนข้อ 6 แต่เคลื่อนที่เป็นระยะทางไกล โดยลูกฟุตบอลไม่ตกถึงพื้น

การหยุดหรือบังคับลูกฟุตบอล
การหยุดลูกได้ดีนั้น ทำให้สามารถที่จะบังคับและควบคุมลูกฟุตบอลให้เคลื่อนที่ไปในลักษณะใดก็ได้ตามต้องการ เช่น การเลี้ยง การส่งลูก การยิงประตู ทำให้ทีมเป็นฝ่ายรุก เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม
เราสามารถหยุดลูกฟุตบอลด้วยส่วนใดของร่างกายก็ได้ ยกเว้นแขนและมือทั้งสองข้างคำจำกัดความ

การหยุดลูก หมายถึง การบังคับลูกที่มาในลักษณะต่าง ๆ ทั้งบนพื้นดินและในอากาศให้อยู่ในครอบครองของเรา เพื่อจะได้ส่งลูกต่อไปตามความต้องการ
หลักในการหยุดลูกมีอยู่ 3 ประการ คือ
1. จะใช้ส่วนใดของร่างกายในการหยุดลูก
2. การเคลื่อนตัวเข้าสู่ตำแหน่ง เพื่อหยุดลูกที่ลอยมาหรือกลิ้งมากับพื้น
3. ใช้เทคนิคการผ่อนของร่างกาย เพื่อลดแรงปะทะของลูก

การหยุดลูกด้วยฝ่าเท้า ให้พยายามหยุดลูกฟุตบอลเบา ๆ การใช้ฝ่าเท้าหยุดลูก ให้หยุดลูกที่ส่งเรียดมากับพื้น โดยเปิดปลายเท้าขึ้นปะทะลูกไว้ในครอบครองและให้ฝ่าเท้าสัมผัสส่วนบนของลูกพร้อมที่จะเคลื่อนที่ต่อไป

การหยุดลูกด้วยข้างเท้าด้านใน วิธีนี้สามารถใช้หยุดลูกที่ส่งเรียดหรือต่ำ
1. ใช้ในการควบคุมลูกฟุตบอลให้ตกลงสู่พื้นอย่างประณีต ในขณะที่เคลื่อนไปข้างหน้า
2. วางมุมเท้าเพื่อหยุดลูก โดยการบิดลำตัวทางด้านข้างตามแนวที่ลูกลอยมา ใช้ข้างเท้าด้านในสัมผัสตรงกลางลูก เพื่อผ่อนแรงปะทะ
3. การหยุดลูกใช้องค์ประกอบ 3 อย่าง คือ ข้างเท้าด้านใน ข้อเท้า และพื้นสนาม
4. คาดคะเนจังหวะลูกฟุตบอลกระทบกับเท้าและพื้นดินพร้อม ๆ กัน เพื่อการหยุดลูกไว้อย่างมั่นคง

การหยุดลูกด้วยหลังเท้า วิธีนี้ใช้หยุดลูกฟุตบอลที่ลอยมา ให้งอเข่าและยกเท้าขึ้น เพื่อรับลูกที่กำลังจะตกพื้น ให้ลดขาและเท้าเพื่อผ่อนแรงปะทะ ตาจ้องมองดูลูก ใช้ขาข้างใดข้างหนึ่งเป็นหลักและทรงตัวให้มั่นคง

การหยุดลูกด้วยหน้าขา
ใช้ในกรณีที่ลูกลอยมาสูงกว่าระดับเอว ใช้หน้าขาหยุดลูกไว้โดยให้งอเข่ารับผ่อนแรง โดยลดต้นขาลงแล้วปล่อยลูกตกลงพื้นอยู่กับเท้าเพื่อครอบครองบอล โดยใช้แขนทั้งสองข้างและขาที่ยืนเป็นหลัก
ช่วยในการทรงตัว


การหยุดลูกด้วยหน้าอก
วิธีนี้ใช้รับลูกที่ลอยมา ให้แยกแขนทั้งสองออก ยืดอกรับลูกแล้วปล่อยลูกลงพื้นอยู่กับเท้า โดยการยืนแยกขาออกเล็กน้อย เพื่อการทรงตัว ขณะที่ลูกปะทะกับหน้าอก ให้ย่อตัวและไหล่ทั้งสองข้าง
เพื่อลดแรงปะทะ



การหยุดลูกด้วยศีรษะ
ในกรณีที่ลูกฟุตบอลลอยมาสูงเกินกว่าที่จะรับด้วยหน้าอก ให้ใช้น้าผากรับแทน โดยยื่นศีรษะออกไปเพื่อรับลูก เมื่อรับแล้วให้ดึงศีรษะกลับ แล้วปล่อยให้ลูกลงพื้นอยู่กับเท้า




ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล
มารยาทของนักกีฬาที่ควรปฏิบัติ

การเล่นฟุตบอลก็เหมือนกับการเล่นกีฬาประเภทอื่นๆ ที่ผู้เล่นจำเป็นต้องมีมารยาทในการเล่น เพื่อให้การเล่นดำเนินไปด้วยดี นอกจากนี้ผู้ดูก็ควรมีมารยาทในการดูเช่นเดียวกัน จึงจะทำให้เกิดผลดีต่อการกีฬาอย่างสมบูรณ์

มารยาทของผู้เล่นฟุตบอลที่ดี
1. มีความรักและความสามัคคีในหมู่คณะ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน
2. มีน้ำใจนักกีฬา แสดงการขอโทษเมื่อรู้ว่าตนเองกระทำผิด รู้จักให้อภัยเมื่อเพื่อนผิดพลาดรู้จักแพ้เมื่อตนเองมีความสามารถและฝีมือไม่มากนัก
3. มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนตามที่ได้รับมอบหมาย
4. ปฏิบัติตามกฎกติกาการเล่นโดยเคร่งครัด
5. เชื่อฟังการตัดสินของผู้ตัดสิน โดยไม่แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมแก่ผู้ตัดสินในการตัดสินไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการยั่วยุหรือกลั่นแกล้งผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม
6. มีความอดทน เสียสละ
7. กล้าตัดสินใจ แสดงความคิดเห็น และแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง
8. มีความสุภาพเรียบร้อย ปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบประเพณีที่ดีงาม



(น้ำใจนักกีฬาเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี)

มารยาทของผู้ชมที่ดี
1. ไม่กล่าวถ้อยคำหรือแสดงกิริยาเยาะเย้ยถากถางผู้เล่นที่เล่นผิดพลาด
2. แสดงความยินดีแก่ผู้เล่นที่เล่นดี เช่น การปรบมือ เป็นต้น
3. ไม่กระทำตัวเป็นผู้ตัดสินเสียเอง เช่น ตะโกนด่าว่ากรรมการ
4. ไม่เชียร์ในสิ่งที่เป็นการส่อเสียดในทางไม่ดีต่อทีมใดทีมหนึ่ง
5. ไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่ทำให้ผู้ตัดสินหรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ ปฏิบัติงานไม่สะดวก
6. ไม่กระทำสิ่งใดๆ อันเป็นการกีดขวางการเล่นของผู้เล่น

การบำรุงรักษาอุปกรณ์
อุปกรณ์แยกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1. อุปกรณ์ของนักกีฬาฟุตบอล ได้แก่
1.1 รองเท้า ต้องเลือกที่ใส่สบาย มีความยืดหยุ่นดี หลังใช้ให้ทำความสะอาดทุกครั้ง ขัดเงาและใช้หนังสือพิมพ์หรือนุ่นยัดไว้เพื่อให้รองเท้าอยู่ทรงสภาพเดิม
1.2 สนับแข้ง ป้องกันการกระแทกไม่ให้ถูกของมีคมหรือเป็นแผลถลอก
1.3 เสื้อ ให้ใช้ผ้าที่วับเหงื่อได้ดี ผู้รักษาประตูควรสวมเสื้อแขนยาวป้องกันการเกิดแผลถลอกเวลาล้มหรือพุ่งตัวตัวรับลูกฟุตบอล
1.4 กางเกง ควรใช้ผ้าที่ทำจากฝ้ายและสวมใส่สบาย เคลื่อนไหวได้อิสระ
1.5 ถุงมือสำหรับผู้รักษาประตู ป้องกันการลื่นในสภาพสนามแฉะและมีโคลน หลังใช้ต้องทำความสะอาดและผึ่งให้แห้งในที่ร่ม

2. อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นฟุตบอล
2.1 ลูกฟุตบอล ต้องได้รับการยอมรับจาก F.I.F.A. มีน้ำหนักได้มาตรฐาน 396-453 กรัม หากเปียกน้ำ เปื้อนโคลน ต้องทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง
2.2 ตาข่ายประตู ต้องไม่ขาด หรือมีช่องโหว่ติดตั้งอย่างมั่นคง ใช้แล้วให้เก็บในที่ห่างจากความร้อนและความชื้น
2.3 ป้ายคะแนน และเลขคะแนน ระวังไม่ให้เปียกน้ำ เพื่อป้องกันการผุ เก็บในที่ห่างจากความชื้น เช่นในที่ร่ม หรือห้องเก็บของ
2.4 เสาประตู ต้องหมั่นตรวจสอบเวลาฝึกซ้อมหรือแข่งขันต้องอยู่ในสภาพมั่นคง แข็งแรง
2.5 เข็มปล่อยลมลูกบอล ต้องจัดเตรียมไว้เมื่อเติมลมลูกฟุตบอลมากเกินไปหรือไม่ได้มาตรฐาน
2.6 ธงมุมสนาม ปักไว้ที่มุมสนาม ใช้แล้วนำมาเก็บให้เรียบร้อย และนำไปปักเมื่อต้องการใช้การบำรุงรักษาสุขภาพ

กฎ กติกา ฟุตบอล

(สนามฟุตบอลและขนาดมาตรฐาน)
กติกาฟุตบอล (อังกฤษ: The Laws of the Game)เป็นกฎและกติกาฟุตบอลสากลที่กำหนดโดยสมาคมฟุตบอล ในปัจจุบันมีทั้งหมด 17 ข้อ ดูแลโดยหน่วยงานไอเอฟเอบี

กฎข้อที่ 1: สนามฟุตบอล เป็นสนามหญ้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 100 หลา ยาว 130 หลา และทำเส้นต่างๆ ในสนามเป็นสีขาวมีลักษณะตามภาพ
กฎข้อที่ 2: ลูกฟุตบอล เป็นทรงกลม ทำจากหนัง หรือวัสดุอื่นๆ ตามความเหมาะสมที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้เล่น เป็นฟุตบอลเบอร์ 5 มีเส้นรอบวงประมาณ 68-70 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 410-450 กรัม
กฎข้อที่ 3: จำนวนผู้เล่นประกอบด้วยทีม 2 ทีม และแต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่นตัวจริงและตัวสำรอง ผู้เล่นตัวจริงจะเป็นผู้เล่นชุดแรกที่ลงสนาม ส่วนผู้เล่นตัวสำรองมีไว้เพื่อสับเปลี่ยนกับผู้เล่นตัวจริงในกรณีที่ผู้เล่น ตัวจริงไม่สามารถเล่นได้หรือกรณีอื่นๆ ตามความเหมาะสมหรือตามแต่ดุลยพินิจของผู้จัดการทีม ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนามต้องมีไม่ต่ำกว่า 7 คน และไม่เกิน 11 คน และหนึ่งในนั้นจะต้องมีผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู 1 คน, ตัวสำรองสามารถมีได้ไม่เกิน 7 คน
กฎข้อที่ 4: อุปกรณ์การเล่น ได้แก่ ลูกฟุตบอล (ตามกฏข้อ 2) ใช้สำหรับเล่น 1 ลูก และ เครื่องแบบของนักกีฬาทีมทั้ง 2 ทีมที่ลงแข่งขัน สมาชิกทุกคนในทีมยกเว้นผู้รักษาประตูจะต้องใส่ชุดแข่งขันสีเดียวกัน และทั้ง 2 ทีมจะต้องใส่ชุดแข่งที่มีสีตัดกันอย่างชัดเจน จะใส่ชุดที่มีโทนสีคล้ายกันไม่ได้ (เช่น ทีมหนึ่งใสชุดแข่งสีขาว อีกทีมหนึ่งใส่ชุดแข่งสีเหลือง) ผู้รักษาประตูจะต้องใส่ชุดแข่งที่มีสีไม่ซ้ำกับผู้เล่นทั้ง 2 ทีม และนักกีฬาที่ทำการแข่งขันจะต้องใส่รองเท้า (ในปัจจุบันไม่อนุญาตให้นักกีฬาใช้เท้าเปล่าเล่น) ที่กล่าวมาเป็นอุปกรณ์การเล่นที่ต้องมีในการแข่งขัน ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่กติกาไม่บังคับแต่ผู้เล่นมักจะนิยมใช้กัน คือ สนับแข้ง, ถุงมือและหมวกสำหรับผู้รักษาประตู และยังมีอุปกรณ์ปลีกย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพที่สามารถอนุโลมให้ใส่ ในเวลาลงเล่นได้ เช่น แว่นตา (สำหรับผู้ที่ได้รับการผ่าตัดทางตา), หน้ากาก, เฮดเกียร์ เป็นต้น
กฎข้อที่ 5: กรรมการ
กฎข้อที่ 6: ผู้ช่วยกรรมการ
กฎข้อที่ 7: ระยะเวลาการแข่งขัน
กฎข้อที่ 8: การเริ่มต้นการแข่งขัน
กฎข้อที่ 9: บอลออกนอกสนาม
กฎข้อที่ 10: วิธีนับคะแนน
กฎข้อที่ 11: การล้ำหน้า
การล้ำหน้า (อังกฤษ: Offside) ในกติกาของฟุตบอล หมายถึง ผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าเมื่อลูกบอลสัมผัส หรือเล่นโดยผู้เล่นคนหนึ่งในทีมของเขา โดยผู้ตัดสินเห็นว่าเขามีส่วนร่วมกับการเล่นอย่างชัดเจน หรือ เกี่ยวข้องกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม หรือ อาศัยความได้เปรียบจากการอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าขณะนั้น แต่ไม่ถือเป็นการล้ำหน้า ในกรณีที่เตะจากประตู หรือเตะจากมุม หรือการทุ่ม
สำหรับการกระทำผิดจากการล้ำหน้า จะลงโทษ โดยให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เตะโทษ โดยอ้อมจากตำแหน่งกระทำผิด

กฎข้อที่ 12: ฟาวล์
กฎข้อที่ 13: ฟรีคิก
กฎข้อที่ 14: ลูกโทษ
การยิงลูกโทษ เป็นการตั้งเตะทำคะแนนในการแข่งขันฟุตบอล โดยลูกฟุตบอลจะอยู่ในตำแหน่งหน้าประตูห่างมาเป็นระยะ 12 หลา (ประมาณ 11 เมตร) โดยมีผู้รักษาประตูคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในตำแหน่งที่ป้องกันได้
ในการแข่งขันฟุตบอลจะมีการยิงลูกโทษสองลักษณะคือ ลักษณะแรกการยิงลูกโทษระหว่างการแข่งขัน เกิดจากที่ผู้เล่นในฝ่ายรับทำฟาล์วผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามภายในเขตประตู โดยผู้ที่ยิงลูกโทษจะมีสิทธิยิงได้หนึ่งครั้งโดยเมื่อยิงเสร็จแล้วจะปล่อย ให้เกมเล่นต่อตามปกติ ในลักษณะที่สองคือการยิงลูกโทษภายหลังจากหมดเวลาการแข่งขัน และทั้งสองฝ่ายมีคะแนนเท่ากัน จะทำการยิงลูกโทษในการตัดสินผู้ชนะ โดยการยิงลูกโทษลักษณะนี้จะ เริ่มต้นโดยผู้ยิงฝ่ายละ 5 คน สลับกันยิงลูกโทษ โดยถ้าไม่สามารถตัดสินกันได้ให้มีการยิงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผู้ชนะ
การยิงลูกโทษเกิดขึ้นครั้งแรกจากความคิดของผู้รักษาประตูชาวไอร์แลนด์ วิลเลียม แม็คครูม (William McCrum) ในปี พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) โดยได้เสนอไอเดียกับ สมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์ และได้มีการเสนอความคิดนี้ต่อให้กับ สมาคมฟุตบอลนานาชาติ ซึ่งมีการรับรองเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2434 และมีการใช้กันในช่วงฤดูกาล 1891-92

ทำยังไงให้เล่นฟุตบอลได้เก่ง

ทำยังไงให้เล่นฟุตบอลได้เก่ง

อยากเล่นฟุตบอลให้เก่งทำอย่างไร!!!

สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้น หรือรู้สึกว่าตัวเองเล่นฟุตบอลไม่เก่ง หรือยังไม่พอใจในวิธีการเล่นฟุตบอลของตนเอง ...คุณกำลังค้นหาใน google หรือช่องทางการค้นหาอื่นๆใช่หรือไม่ และคุณกำลังนั่งจิ้ม นั่งกด ในช่องค้นหา โดยใช้คำว่า อยากเล่นฟุตบอลเก่งๆทำอย่างไร อยากเล่นฟุตบอลเก่ง วิธีที่ทำให้เล่นฟุตบอลเก่ง เตะบอลให้เก่งทำไง ฯลฯ อะไรประมาณนี้ คุณใช้วิธีการค้นหาจากวิธีการค้นหาข้างต้น จนมาพบคำตอบในเว็ป www.ball2night.com แห่งนี้ ... ผมไม่ได้เขียนบทความนี้เพื่อให้คุณเก่งภายใน 1-2 วันหรอกครับ... แต่ขอมอบแนวทางการทำอย่างไรให้เล่นฟุตบอลเก่งขึ้น ไปในแนวทางที่ถูกต้อง และใช้ระยะเวลาในการเล่นฟุตบอลดีขึ้น ด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่า วิธีการดั้งเดิมที่คุณทดลองใช้กันมา ลองอ่านดูนะครับ
เลี้ยงบอล รูปคนเลี้ยงบอล นักฟุตบอลเลี้ยงบอล

หากอยากเล่นฟุตบอลเก่งก็ต้องอยู่กับฟุตบอลให้มากขึ้น

ในแต่ละวัน คุณทุ่มเทกับลูกฟุตบอลกลมๆแค่ไหน คุณอยู่กับมันนานแค่ไหน หากคุณอยากเก่ง คุณต้องสละเวลาที่คุณทำอย่างอื่น แบ่งปันมาให้มัน ทุกเรื่องราวในชีวิตขอให้เกี่ยวข้องกับกีฬาฟุตบอล มีลูกฟุตบอลสัก 1 ลูกไว้ในบ้าน เมื่อต้องการมัน สามารถหยิบมาเดาะ หยิบมาเลี้ยง ได้ทันที.. ชีวิตทุกอย่างคุณต้องปรับเปลี่ยน มาดูบอลให้มากขึ้น เปิดค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอลให้มากขึ้น หากอยากเก่งเรื่องฟุตบอล ก็ต้องทำการบ้านก่อนนะครับ  ค้นหาแนวทางในการเล่นฟุตบอลที่ถูกต้อง ไม่เดินหลงทาง ก็จะทำให้พัฒนาการและการทำให้เราเล่นฟุตบอลได้เก่งได้อย่างรวดเร็ว
นอนกอดลูกฟุตบอล เด็กนอนกอดลูกบอล กอดบอล นอนกอดบอล

อยากเตะบอลเก่งก็ต้องเริ่มต้นจากเบสิค

ความสำเร็จระยะยาวในอาชีพนักฟุตบอล ว่ากันว่า นักฟุตบอลต้องมีพื้นฐานการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม เพราะพื้นฐานการเล่นฟุตบอลจะเป็นสิ่งคู่กายของนักฟุตบอลทุกคน การจับบอล ส่งบอล การเลี้ยงบอล การยิงประตู การเคลื่อนที่ การเดาะบอล โหม่งบอลฯลฯ หากเราดีและถูกต้อง มันก็จะพัฒนาไปในแนวทางที่ถูกต้อง หากคนที่เริ่มต้นในการเล่นฟุตบอลด้วยพื้นฐานการเล่นที่ผิด โอกาสพัฒนาหรือต่อยอดก็พอมีบ้าง แต่น้อย... เบสิคพื้นฐานการเล่นฟุตบอลจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอันดับแรก
เบสิคฟุตบอล เบสิคการเล่นฟุตบอล พื้นฐานฟุตบอล

อยากเล่นบอลเก่งก็ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ

หลายๆคนอยากเล่นฟุตบอลให้เก่ง แต่พยายามไม่สุด ติดปัญหาอุปสรรค มักโทษนู่นโทษนี้ ..มักมีทรรศนะคติในด้านลบ เช่น เล่นไปก็ไม่ติดทีมชาติหรอก เล่นไปก็สู้เด็กเส้นไม่ได้ โทษกรรมการที่ไม่มีมาตรฐานการตัดสินบ้าง  บางทีก็โทษตัวเอง เช่น ตัวเราเล็กเกินไป ตัวเราอ้วนเกินไป เตี้ยไป เราวิ่งช้าเกินไป เราอายุมากไป โทษดินฟ้าอากาศ.. ฝนตกน้ำท่วมทำให้ซ้อมไม่ได้ ร้อนเกินไปทำให้ซ้อมบอลไม่ได้ หนาวเกินไป.. หาข้ออ้างได้สาระพัดนะคนเรา... แต่ถามว่าทุกวันนี้คุณเล่นฟุตบอลอยู่ไหม คำตอบก็คือ เล่นกันอยู่เกือบทุกวัน ทำไมไม่พยายามขึ้นอีกนิด หรือไปให้มันสุดทาง ความฝันความหวังของเรามันไม่ใช่เรื่องไกลความจริง หากเราพยายามอย่างสุดความสามารถ

อยากเล่นฟุตบอลเก่งเร็วๆ ก็ต้องมีครูฟุตบอลที่เก่งด้วย

หลายๆคนใช้วิธีการเล่นฟุตบอลให้เก่งแบบธรรมชาติ ก็คือ ไม่ต้องมีใครสอน กรูอาศัยลูกอึด เล่นมันทุกวัน ไม่มีขาด 365 วัน เล่นฟุตบอล มากกว่า 300 วัน ทำไมมันถึงจะไม่เก่ง คำตอบก็คือ คุณอาจเก่ง แต่จะมีสักกี่คนที่เล่นฟุตบอลเก่งแบบคุณ ลองมองรอบๆตัว ในสนามฟุตบอลที่คุ้นเคย คุณเห็นเพื่อนคุณสักกี่คน ที่เล่นฟุตบอลกันทุกวัน แล้วประสบความสำเร็จ อาจมีนะ 100 คน ผมให้อย่างมากประสบความสำเร็จระดับสโมสร แค่ 1 คน เท่านั้นแหล่ะ  ..เพราะพวกคุณใช้เวลากับธรรมชาติฟุตบอลมากเกินไป หรือว่าอาจไปเลียนแบบโรนัลโด้ หรือ โรนัลดินโหญ่ ที่เป็นนักฟุตบอลประเภทสตรีทซอคเกอร์ บอลข้างถนน  แต่อย่าลืมว่า เขาเล่นข้างถนนไม่นานหรอก แมวมองเขาเห็นแววเขาจึงรีบดึงมาปั้น ในระบบการเล่นฟุตบอลที่ถูกต้อง...สรุปคือ ช่วงเวลาที่เล่นฟุตบอลแบบธรรมชาติ ตามมีตามเกิด หรือเล่นด้วยความสนุก มันก็มีได้บ้าง แต่คุณควรเข้าไปในระบบทีมที่มีการฝึกซ้อมอย่างดี  มีครูสอนบอลที่เก่ง มีโค้ชที่ดี... ครูพละศึกษา คือ มือปั้นนักเตะฝีเท้าดีมานักต่อนักแล้ว หากคุณไม่มีโอกาสที่จะไปเป็นนักฟุตบอลตามอคาเดมี่ต่างๆ  ให้คุณเริ่มต้นจากนักฟุตบอลระดับโรงเรียนก่อน........ค่อยๆไต่เต้าขึ้นไป
หรือ หากเดินเข้าหาโอกาส พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาลูกหลานเข้าไปใน สถานที่ที่มีการฝึกฟุตบอลที่ได้มาตรฐาน...หรือ คุณจะโชคดีหากมีคนใกล้ตัว นำแนวทางการเล่นฟุตบอลที่ถูกต้อง มาถ่ายทอดตั้งแต่เยาว์วัย คนใกล้ตัวก็คือ พ่อ แม่ ญาติ รุ่นพี่ ครูในโรงเรียน ผู้อาวุโสในสนามฟุตบอล นำแนวทางการเล่นฟุตบอลที่ถูกต้องมาสอน คุณก็จะเก่งได้ แต่ถามว่าคนเหล่านั้นรู้เรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอลมากเพียงใด  บางคนเป็นหัวหน้าทีม พอใกล้แข่งบอล ก็นัดลงทีมอย่างเดียว อย่างนี้มันไม่ใช่  ..ปัจจัยคือ บุคคลากรในพื้นที่ของคุณ มีคนเก่งฟุตบอลจริงหรือเปล่า
ครูที่เก่งแน่นอน คือ คนฟุตบอล คนที่มีประสบการณ์ด้านฟุตบอล ผ่านการทำทีม ผ่านการปั้นเด็ก เช่น คนที่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน โค้ชที่ผ่านการอบรม..และที่คาดไม่ถึงคือ คลิปวิดีโอ สอนฟุตบอลที่มีอยู่หลากหลายในอินเตอร์เน็ต อยู่ที่ว่า คุณจะหยิบจับมันมาใช้ถูกหรือเปล่า บางคลิปสวยงาม แต่ก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่บางคลิปดูธรรมดาแต่หากฝึกตามคุณก็อาจเก่งได้อย่างมหัศจรรย์

อยากเตะบอลเก่งต้องซ้อม และต้องแข่งขัน

อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ การแข่งขัน ..เราจะรู้ว่าเราเก่งหรือไม่เก่ง ก็อาจวัดได้จากการแข่งขัน เราจะรู้ว่าการฝึกซ้อมฟุตบอลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้เราพัฒนาขึ้นหรือไม่ ก็อาจวัดได้จากฟอร์มการเล่น...  เราต้องหาแมตซ์แข่งเพื่อหาประสบการณ์ เราต้องหาคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่า เพื่อยกระดับความสามารถของเรา การเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่า เราจะรู้ข้อบกพร่องและจุดอ่อนของเราอย่างชัดเจน  แต่หากเราเป็นนักฟุตบอลจังหวัด แล้วย้อนกลับไปแข่งฟุตบอลระดับอำเภอ... เราจะเห็นอะไร .. เราจะรู้อย่างเดียวว่า เราเก่ง และเราสามารถเอาชนะได้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งท้าทายอะไร  ..แสวงหาคู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่าตลอดเวลา ..ในการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติ ทำไมต้องหาทีมชาติที่เก่งกว่า มาอุ่นเครื่องกับประเทศไทย มันก็ตรงนี้แหล่ะครับ  การยกระดับมาตรฐานการเล่น ต้องไปอยู่ในกลุ่มกับคนที่เก่ง มีการแข่งขันกันตลอด
บางคนเก่งอยู่ในหมู่บ้าน พอไปอยู่ในระดับจังหวัดก็กลายเป็นท้ายแถว... เมื่อเป็นท้ายแถวสิ่งที่ต้องทำคือ ปากกัด ตีนถีบ พยายามอย่างสุดความสามารถในการแย่งตำแหน่งตัวจริง เมื่อมีความมุ่งมั่น ความตั้งใจ มีเป้าหมาย เราจะถีบตัวขึ้น โดยที่ไม่รู้ตัว อย่างนี้เป็นต้น
วิธีที่ทำให้เล่นฟุตบอลเก่งขึ้น
1.ต้องรักฟุตบอล
2.ต้องฝึกซ้อมเบสิคที่ถูกต้องสม่ำเสมอ
3.ต้องมีความกระหายที่อยากประสบความสำเร็จ
4.ต้องแสวงหาโอกาส
5.ต้องเดินตามแนวทางที่ถูกต้อง
6.ต้องเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานที่ ที่มีระบบการฝึกซ้อมที่ดี มีนักฟุตบอลที่มาตรฐานสูง
7.ต้องแข่งกับคนที่เก่งกว่า เพื่อให้เก่งกว่าเขาให้ได้
8.เหนื่อยได้ ท้อได้ แต่ต้องกลับมาให้เร็ว
9.มีวินัย มุ่งมั่น ทุ่มเท มีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าจะทำอะไรในแต่ละวัน
10.สำคัญที่สุด ต้องกล้าที่จะฝัน และไม่หยุดจนกว่าจะถึงฝัน..สู้ๆครับทุกคน เป็นกำลังใจให้แน่นอน Mr.knock กุนซือบ้านๆ
ข้อมูลนี้ได้มาจาก http://ball2night.com/

ธีรศิลป์ แดงดา

นักกีฬาไทยที่ประสบความสำเร็จ

ธีรศิลป์ แดงดา รีบสืบเท้าขึ้นรถเบนซ์สีดำคันงามขับไปยังออฟฟิศของ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ทันที หลังจากวางสาย… เขารู้ดีว่าวันนี้มัน คือ วันวิเศษสุดในชีวิตการค้าแข้งเพราะเอกสารร่างสัญญาการเป็นนักเตะอาชีพกับอัลเมเรีย ทีมในศึกลาลีก้า สเปน หนึ่งในลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปัจจุบัน ถูกจัดเตรียมไว้ยังสถานที่ที่เขากำลังเดินทางมุ่งหน้าไป ย้อนไปก่อนหน้าประมาณ 3 เดือน... อัลเมเรีย จากสเปน และ ปากอส เดอ แฟร์ไรร่า ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นริเก คาลิสโต อดีตกุนซือเมืองทองฯ จากโปรตุเกส ได้ยื่นข้อเสนอขอยืมตัว ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อดึงเขาไปร่วมทีมในช่วงก่อนปิดตลาดซื้อ-ขายฤดูกาลหนาวให้กับบอร์ดบริหาร “กิเลนผยอง”...ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงปลายเดือนมกราคม
“มันมีทีมมาสนใจอยู่ 2 ทีมนะ” คำพูดที่ ธีรศิลป์ จับใจความได้ที่ปลายสายจากผู้บริหารสโมสรคนหนึ่ง แต่เขารู้ดีว่ามันไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง หากต้องเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งยิ่งใหญ่กว่า และต้องลงเล่นระหว่างฤดูกาลโดยที่ยังไม่ได้ทันได้มีการเตรียมตัวใดๆ
“ตอนนั้นบ้านเราปิดฤดูกาลอยู่...แต่ที่นั่น (ยุโรป) มันเป็นช่วงตลาดซื้อ-ขายหน้าหนาว มี อัลเมเรีย กับ ปากอส เดอ แฟร์ไรร่า ที่ยื่นส่งเอกสารขอยืมตัวเราไป 6 เดือน นี่ คือ 2 สโมสรที่ผมเห็นเอกสารร่างเป็นลายลักษณ์อักษรมาจริงว่าต้องการเอาเราไปร่วมทีม พูดตรงๆ คือ ตอนนั้นเรายังไม่รู้หรอกว่า อัลเมเรียทีมนี้เป็นยังไง รู้แค่ว่าอยู่ในสเปน ส่วน ลากอส เนี่ย...ลูกชายของ คาลิสโต ที่เป็นเอเยนต์ เขามาคุยกับเราโดยตรง พร้อมเอกสารเสนอขอยืมตัวจากสโมสร”
“แต่ตอนนั้นถ้าผมตัดสินใจไป มันไม่ใช่เริ่มจากศูนย์ มันจะกลายเป็นเริ่มจากติดลบ เพราะเราปิดซีซั่นไปแล้ว ร่างกายผมก็ไม่ได้เหมือนกับนักฟุตบอลที่คงความฟิตมาตลอดทั้งฤดูกาล ตอนนั้นเหลืออีกไม่กี่วันเท่านั้นก็จะปิดตลาด ผมปรึกษากับพี่เป้ แล้วก็เลยตัดสินใจยังไม่ไป พวกเขากำลังหนีการตกชั้น เพราะฉะนั้นเราไปต้องเล่นได้เลย ไม่มีเวลาปรับตัวกับทั้งในและนอกสนาม ทั้งภาษา และวัฒนธรรม ซึ่งตอนนั้นผมไม่เสียดายเลย เพราะรู้ว่าไม่ใช่จังหวะและเวลา...มันไม่ใช่ไทยลีกแล้วลงไปเล่นดิวิชั่น 1 นะ นี่มัน คือ การไปลาลีก้า สเปน”     
“ถัดมาอีก 2-3 เดือนเรายังได้ยินข่าวอัลเมเรียติดต่อเรามาอยู่เรื่อยๆ ตอนผมปฏิเสธไปครั้งแรก ผมก็ไม่ได้คิดหรือมั่นใจหรอกว่าพวกเขาจะกลับมา แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาแล้วบอกว่า งั้นครั้งนี้ให้ข้อเสนอเป็นสัญญายืมตัว 1 ปี เลยละกัน ผมเห็นว่าถ้าเราได้ไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ช่วงพรีซีซั่น ได้ปรับตัวก่อน ผมก็น่าจะพร้อมแล้ว”
“สิ่งสำคัญที่สุด คือ ผมไปเพราะอัลเมเรียสนใจตัวผมจริง ถ้าต้องไปเพราะถูกยัดไปด้วยเหตุผลทางการตลาด ผมก็ไม่อยากไป...”
ธีรศิลป์ จรดปากกาเซ็นสัญญาทันทีที่ออฟฟิศแบบไม่มีลังเล มันคือโอกาสครั้งสำคัญของชีวิต ที่เขากำลังจะได้ไปเล่นในลีกที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก…หลังจากวินาทีนั้นเขาติดตามชมเกมลาลีก้า ทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเตะกันดึกแค่ไหน ระหว่างนั้นมันเป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายว่าอัลเมเรียจะอยู่รอดได้เล่นลาลีก้าต่อหรือไม่มันเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตเวลาที่เขาดูฟุตบอลแบบจริงจังมากที่สุด
กระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคม 2014 ทีมเล็กๆจากแคว้นอันดาลูเซียทีมนี้เปิดสนาม เอสตาดิโอ เด ฆวยโกส เมดิเตร์ราเนโอส เสมอกับ แอตเลติก บิลเบา 0-0 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2013/2014 พวกเขารอดตกชั้นสำเร็จ... และนั่นคือจุดเริ่มต้นของนักเตะลา ลีก้า สเปน คนแรกของประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยอย่างไม่เป็นทางการ


Siamsports
อัลเมเรีย จังหวัดภายใต้แคว้นอันดาลูเซีย ดินแดนทางตอนใต้ของประเทศสเปน ที่เคยถูกปกครองโดยชาวมุสลิมหลายศตวรรษ...แสงแดดที่แผดไออุ่นคอยกระทบท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตลอดปี ทำให้สีน้ำสวยงามน่าชม...ท่ามกลางประชากรที่มีเพียงไม่ถึง 200,000 คน “อูเด อัลเมรีอา” คือ ทีมฟุตบอลประจำเมืองเพียงทีมเดียว  
“มันตื่นเต้นอ่ะ” ธีรศิลป์ เริ่มเล่าวินาทีที่เดินทางถึงประเทศสเปน…
“มันเป็นการไปสเปนครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกไปซ้อมกับแอตเลติโก มาดริด คือ ปกติมันไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเราเคยไปแค่ร่วมฝึกซ้อมเพราะเป็นพันธมิตร แต่ครั้งนี้ คือ เรามาแบบเป็นนักบอลอาชีพเว้ย ต้องมาแข่ง มาแย่งตำแหน่ง มาแข่งขันในลีกที่ดีที่สุดในโลก”
“แล้วตอนนั้นพอถึงสนามบินมีแฟนบอลมารับด้วย เราไม่คิดจริงๆ ว่าจะมีแฟนบอลมารับ ขอลายเซ็น ขอถ่ายรูป ผมก็แบบ...เฮ้ย! นี่มันขนาดนี้เลยเหรอวะ นักข่าวก็มารอทำข่าว เราก็ไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียง ถ้าเราดังแล้ว มันก็อาจจะปกติ แต่นี่เรายังไมได้ทำอะไรเลย แต่กลับมีแฟนบอลหลายสิบคนมาต้อนรับเรา”


สัมผัสแรกหลังเดินทางถึงสนามบิน ท่ามกลางความประทับใจ Facebook: UD Almeria
ทุกๆอย่างช่างน่าตื่นเต้นสำหรับชายหนุ่มจากตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังได้สัมผัสกับเวทีลูกหนังยุโรปของจริง ประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ที่นักฟุตบอลทั่วไปไม่สามารถหาได้จากตามท้องถนนกลับเป็นของเขา มันทำให้เจ้าตัวดูมีความสุขไปเสียหมดทุกอย่างในช่วงเริ่มต้นชีวิตใหม่
“ตอนผมไปทีแรก มีแค่ โจนาธาน ซองโก, โตเมร์ เฮเหม็ด และ เธียร์รี่ บิโฟมา ที่เราต้องแข่งขันด้วย การแข่งขันมันสูงจริงๆ การฝึกซ้อมในช่วงพรีซีซั่นมันโหดมาก ซ้อมวันละ 2 ครั้งทุกวัน แน่นอนว่าผมก็มีปัญหาเรื่องภาษาแหละ แต่ ซองโก เขาพอพูดภาษาอังกฤษได้ก็จะช่วยอธิบาย ซึ่ง ฟรานซิสโก โรดริเกซ ก็เข้าใจว่าเราพูดสเปนไม่ได้ บางครั้งที่พูดแท็คติก หรืออธิบายอะไร ก็จะบอกคนอื่นให้มาช่วยพูดบ้าง”  


การเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของอัลเมเรีย ที่สเปน Facebook: UD Almeria
“ความเข้มข้นของการฝึกซ้อมในแต่ละครั้ง มันมากกว่าบ้านเราเยอะ แต่ผมกลับไม่อึดอัดเลย ทุกวันผมอยากไปซ้อม อยากจะเต็มที่กับมัน อยากรู้ว่าเราต้องทำยังไงถึงจะได้ลงสนาม” 
“บางอย่างมันก็เหมือนกับที่เมืองทองฯ แต่อะไรหลายๆอย่างมันก็สุดยอดกว่า ผมมีเด็กขัดรองเท้า โห… ความรู้สึกนี่แบบ ‘โคตรดี’ เลย เราอาจเคยได้ยินเรื่องมีเด็กมาขัดรองเท้าแบบฟุตบอลอังกฤษ แต่เรานึกภาพไม่ออกหรอก ด้วยความที่เป็นคนไทย...เวลาซ้อมเสร็จ ผมจะเอารองเท้ามาวางไว้ อีกวันหนึ่งกลับมามันก็จะถูกขัดเรียบร้อยและวางอยู่บนโต๊ะ ทุกอย่างจะมีเจ้าหน้าที่ทีมจัดการให้ทุกอย่าง” ธีรศิลป์ เล่าด้วยความเนื้อเต้นเมื่อพูดถึงชีวิตใหม่ในแดนกระทิงดุ  
รูเบน มาร์ติเนซ อัลเดราเด หรือ รูเบน อดีตผู้รักษาประตูบาร์เซโลน่า ผู้มีประสบการณ์อย่างโชกชโชน บนเวทีลาลีก้า สเปน… เขา คือ เพื่อนร่วมห้องของ ธีรศิลป์ แดงดา แม้ทั้งคู่จะสื่อสารกันได้อย่างลำบาก แต่นายทวารหนุ่มวัย 30 ปี คือ เพื่อนแท้ที่ดีที่สุดของเขา…
“ตอนไปแรกๆ ผมยังไม่มีรถขับ รูเบน เนี่ยแหละจะขับรถมารับผมไปซ้อม และกลับบ้านด้วยกันทุกวัน…เขาพอสื่อสารภาษาอังกฤษกับผมได้นิดหน่อย หลายครั้งที่เขาพยายามชวนผมออกไปโน่นนี่ บางครั้งก็ชวนไปมอเตอร์ครอส แต่ผมก็เกรงใจเขาไง เพราะลูก-เมีย เขาก็มี...บางทีผมก็อยากจะชวนเขามากินข้าวที่บ้านเพื่อตอบแทนนะ แต่นักฟุตบอลที่นั่นเขารักษาหุ่นกันมากๆ พวกอะไรที่เป็นไขมัน เขาแทบไม่แตะเลย แล้วเราจะมาผัดกระเพราให้เขากิน มันก็ไม่ใช่ (ฮา)”  


รูเบน มาร์ติเนซ รูมเมทคนสนิทของ ธีรศิลป์ แดงดา Facebook: UD Almeria
“ผมค่อยๆปรับตัวช่วงพรีซีซั่น คือ เรามีเวลาปรับตัวอยู่หลายเดือนเหมือนกัน ตอนไปเจอกับ เรอัล มูร์เซีย เจอ คอร์โดบา ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ได้สัมผัสสนามที่ใหญ่ขึ้น เริ่มมีแฟนบอลเข้ามาดู มันก็เลยทำให้เราค่อยๆ ปรับตัวและชินกับบรรยากาศ”
.... จนกระทั่งวันที่ 23 สิงหาคม 2014 นัดเปิดสนามเกมลีกของลาลีก้า สเปน พบกับเอสปันญ่อล ที่เอสตาดิโอ เด ฆวยโกส เมดิเตร์ราเนโอส วินาทีที่คนไทยทั้งประเทศรอคอยก็มาถึง… ไม่ซิ! คนที่รอคอยมากที่สุด คงจะเป็น “เอล แดงดา” มันเป็นวินาทีที่เขารอคอยมาอย่างยาวนานหลายปี
“ผมไม่ได้คิดว่าผมจะได้โอกาสตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาลเลย” มุ้ย เริ่มเล่าวินาทีที่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรอง
“แต่ผู้ช่วยโค้ช (ฟรานเชสโก้ โรดริเกซ) เขาเรียกให้ผมไปวอร์ม มันตื่นเต้น...บอกไม่ถูก ดีใจ แต่เราต้องคุมตัวเองให้อยู่ ไม่ใช่ตื่นเต้นจนคุมตัวเองไม่ได้ มันเคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน สมัยที่ติดทีมชาติไทยครั้งแรก ตอนเอเชียน คัพ (ปี 2007 นัดพบกับอิรัก) ตอนนั้นทุกอย่างมันขาวโพลน… ผมคิดว่าเราต้องมีสมาธิกับคำสั่งโค้ชอย่างเดียว แล้ววินาทีที่วิ่งลงสนาม เราก็ไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้างเลยด้วย”
“เราเคยคิดมาตลอดว่าอย่างเราจะสามารถเล่นลาลีกา ได้ไหม… ถ้าต้องลงไปเล่นต้องจับบอลยังไง… ซึ่งพอได้ลงไปจริงๆ พอควบคุมตัวเองได้ จับจังหวะได้ เราก็เริ่มมั่นใจว่าเราดีพอเล่นในลาลีกาได้จริง
ชีวิตในแดนกระทิงดุ ดูเหมือนจะมีแต่ความสดใสรออยู่ แม้จะไม่ได้ถูกส่งลงสนามบ่อยๆ แต่อย่างน้อยก็มีชื่อเป็นตัวสำรองเกือบทุกนัด การฝึกซ้อมในแต่ละครั้งยิ่งทำให้เขาสนุกกับวิถีลูกหนังในยุโรป เขาบอกว่าบางครั้งการเจอเพื่อนร่วมทีมในสนามซ้อม มันยากกว่าเจอทีมคู่แข่งในสนามจริงด้วยซ้ำ “ตอนแข่ง เรายังมีเวลาขยับไปรอรับบอล แต่ตอนซ้อมเร็วกว่าตอนแข่งอีก ถ้าไม่ใช่ว่าเจอทีมใหญ่ๆนะ” มุ้ย พูดถึงเวทีลาลีกา
...แต่ไม่ใช่แค่เรื่องในสนามซ้อมที่เขาหลงรัก เพราะฟุตบอลอาชีพที่สเปนใส่ใจทุกรายละเอียด
“ที่ชอบมากกว่านั้น คือ เวลาเดินทางไปแข่ง ถ้าเป็นที่ไทย สมมุติว่าเราอยู่ภูเก็ตแล้วจะนั่งเครื่องไปแข่งที่เชียงใหม่ เราก็คงต้องนั่งเครื่องพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ไปลงที่กรุงเทพฯ แล้วค่อยต่อเครื่องไปใช่มั๊ยละ? แต่ที่นั่น...ครั้งหนึ่งที่เรากำลังจะไปเมืองซาน เซบาสเตียน ของ เรอัล โซเซียดาด ซึ่งอยู่ทางเหนือของสเปน เราก็คิดว่าเราต้องไปต่อเครื่องที่มาดริด แล้วค่อยต่อเครื่องไป ซาน เซบาสเตียน อีกทอดหนึ่ง เพื่อนในทีมบอกเราว่าประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็คิดว่าควรต้องเผื่อเวลาไปอีก เพราะต้องต่อเครื่อง ปรากฏว่า อัลเมเรีย เหมาเครื่องลำหนึ่ง นั่งได้ประมาณ 30 คน และบินตรงไปยังซาน เซบาสเตียน และพอแข่งเสร็จ เขาก็รอรับเรากลับเลย มันเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่แบบ…เฮ้ย! นี่แหละนักฟุตบอลอาชีพของจริง เราไม่ต้องตื่นตี 5 เพื่อไปรอที่สนามบิน นักฟุตบอลอาชีพ มันต้องเตะฟุตบอลอย่างเดียว มันต้องสบายที่สุด”
“เชื่อไหม? ทุกๆวันก่อนซ้อม จะมีการตรวจไขมัน และมีการตรวจโด๊ปทุกๆเดือน พวกเขาคอมพิวเตอร์ที่คอยวัดค่าพลังของเรา เช่น พวกค่าพลังกระโดด ถ้าเราไม่ดีพอ เขาจะเก็บข้อมูลไว้หมด และจัดโปรแกรมให้เราซ้อมตรงนี้โดยเฉพาะ แล้วอีกเดือนหนึ่งก็มาวัดใหม่ว่าเราพัฒนาขึ้นจริงรึเปล่า”  
“แล้วผมก็คิดนะว่า นี่ขนาดแค่อัลเมเรียยังขนาดนี้...ถ้าเป็นพวก บาร์ซ่า หรือมาดริด จะขนาดไหน” โชคร้ายที่การได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปยังซาน เซบาสเตียน ด้วยครั้งนั้นของมุ้ย ไม่ได้ลงสนาม


ชีวิตการฝึกซ้อมที่อัลเมเรีย เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ Facebook: UD Almeria
ผ่านไปประมาณ 2-3 เดือน ธีรศิลป์ แดงดา เริ่มมีรถส่วนตัวขับไป-มา...
“เฮ้! เดี๋ยวนี้มีรถแล้วนี่ ไม่ต้องง้อผมแล้ว” รูเบน พูดแซว ธีรศิลป์ หลังจากที่มีรถขับ และไม่จำเป็นต้องพึ่งเขาในการไปรับ-ส่งระหว่างบ้านกับสนามซ้อมอีกต่อไป เขาเริ่มไปเที่ยวในตัวเมืองมากขึ้น นอกเหนือจากเดินเล่นตามชายหาดที่อยู่หน้าที่พัก แม้มุ้ยจะไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์...แต่บางครั้งแฟนบอลอัลเมเรียที่เดินเตร็ดเตร่ในตัวเมืองก็เข้ามาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น และให้กำลังใจเขาเช่นกัน


ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าหมายเลข 1 แห่งอาเซียน กับชีวิต 5 เดือนแรกนั้น ได้สัมผัสสนามเพียงน้อยนิด แต่ไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนเกินในสโมสรมากไปกว่า การที่เขาไม่สามารถสื่อสารกับใครได้เลย
วันหนึ่งขณะที่สโมสรอัลเมเรีย มีจัดงานเลี้ยงค็อกเทลร่วมกันทั้งสโมสร ทุกคนจับคู่จับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เขากลับกลายเป็นคนเดียวที่พูดกับใครไม่ได้ เขารู้สึกเคว้งคว้างเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ท่ามกลางเสียงหัวเราะแห่งความสุขของทุกๆ คนภายในทีม เขาได้แต่นั่งนิ่งและยิ้มเจื่อนๆตามคนอื่นไป
“พอนานเข้าๆ เริ่มรู้สึกว่าเราตามเพื่อนไม่ทัน…ทุกๆอย่าง” มุ้ย เริ่มเล่าถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
“เราเริ่มรู้สึกแย่กับการไม่เข้าใจสิ่งที่โค้ชต้องการสื่อสารมากขึ้น เราพูดไม่ได้ มันรู้สึกด้อยๆไปเอง เวลามีนัดหมายอะไร เราก็ไม่รู้เรื่อง มันสะสมมาเรื่อยๆ เราก็ยิ่งไม่กล้าคุย แต่ช็อตที่รู้สึกแย่ที่สุด คือ วันที่มีประชุมกันทั้งสโมสร และจัดเป็นค็อกเทลเลี้ยงช่วงเที่ยงวันหลังซ้อมตอนเช้า ทุกคนจับกลุ่มคุยกัน แล้วมีเราอยู่คนเดียว ทั้งสโมสรที่พูดกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง มันยิ่งแย่กว่าเวลาอยู่ในสนาม”
“ความรู้สึกมันเหมือนโดนปล่อยให้อยู่โดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ทั้งที่เราก็นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ นั่นแหละ เขาพูดอะไร หัวเราะอะไรกัน...เราก็ได้แต่หัวเราะตาม ปัญหาเรื่องภาษามันเริ่มชัดขึ้น”
“กับการฝึกซ้อม ยังคงหนักและสนุก แต่เราเริ่มรู้สึกได้ถึงการไม่ได้รับการยอมรับ หลายครั้งเราวิ่งทำทางสวยๆ ไป แต่เขาก็เลือกจะไม่ส่งบอลให้กับเรา รวมถึงเวลาแข่งด้วย”
“ผมได้ลงน้อยลงเรื่อยๆ บางทีเริ่มไม่มีชื่อเป็นตัวสำรอง และถ้าได้ลงส่วนใหญ่ก็ถูกจับไปเล่นริมเส้นซะมากกกว่า”
แม้เริ่มพบเจอกับอุปสรรคและความยากลำบากในชีวิตลูกหนังอาชีพบนแดนกระทิงดุ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้จารึกประวัติศาสตร์เอาไว้… วันที่ 5 ธันวาคม 2014 ในศึกโกปา เดล เรย์ หรือชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ของประเทศสเปน รอบ 32 ทีมสุดท้าย ธีรศิลป์ แดงดา ได้ลงสนามพบกับ เรอัล เบติส ทีมจากศึกเซกุนด้า ดิวิชั่น นาทีที่ 5 กีเก้ ซานเชซ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ธีรศิลป์ หลุดเข้าไปยิงประตู กลายเป็นนักเตะคนไทยคนแรกที่ทำประตูได้ในเวทีลูกหนังของสเปน





“มันน่าจะเป็นการหลุดเดี่ยวที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตนะ (ยิ้ม)”
“มันกดดันมาก เพราะเราเห็นมาแต่ไกลเลยว่ามันหลุดแน่ๆ แต่มันไม่เหมือนความรู้สึกเวลาเล่นที่ไทย ที่เราจะได้มีโอกาสหลุดไปยิงบ่อยๆ มันทำให้เราคิดว่าต้องยิงยังไงดีวะ จะชิบแบบที่เคยทำได้ไหม เฮ้ย! แล้วถ้ามันไม่เข้าล่ะ เราเคยเห็นนักบอลต่างประเทศยิงลอดขาบ่อยๆ ซึ่งที่ไทยไม่ค่อยมีใครทำได้ แล้วเราจะลองทำแบบนั้นไหม ธรรมชาติของผู้รักษาประตูที่นี่เป็นยังไง คือ มันเป็นการหลุดเดี่ยวที่คิดเยอะมาก และสุดท้ายผมก็เลือกยิงธรรมดาๆเข้าไป”
“แต่เกมนั้นไม่ใช่เกมที่ผมรู้สึกประทับใจนะ…ฟุตบอลที่นั่นสปีดบอลมันเร็วมาก พอครึ่งหลัง ผมรู้ตัวเลยว่าพลังระเบิดเราน้อยลง คือ ไม่ได้หมดแรงนะ แต่สปีดมันตก ทั้งที่การซ้อมที่นั่นทำให้เราฟิตมาก แต่ครั้งนั้นมันทำให้ผมรู้ตัวเลยว่า เออ...เรายังเล่นได้ไม่ครบ 90 นาทีที่นั่นจริงๆ”     
จากนั้นอีกแค่ 4 วัน ฟ้าผ่าลงกลางเมืองอัลเมเรีย...วันที่ 9 ธันวาคม 2014 ฟรานซิสโก โรดริเกซ กุนซือผู้มีส่วนในการตัดสินคว้าตัว “มุ้ย” ไปร่วมทีมที่สเปนถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังแพ้ อิเอบาร์ เละเทะ 2 - 5 เขาเดินเข้ามาลาทุกคนในห้องแต่งตัวด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้า ไม่นานหลังจากนั้นทางสโมสรประกาศแต่งตั้ง ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ติเนซ เข้ามา งานแรกของเขา คือ การให้ ธีรศิลป์ นั่งชมเกมระหว่างอัลเมเรีย กับเรอัลมาดริด บนอัฒจันทร์...“เอล แดงดา” เริ่มคิดแล้วว่าที่นั่นอาจไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไป


ฟรานซิสโก โรดริเกซ กุนซือคนแรกของมุ้ยที่อัลเมเรีย
“โค้ชใหม่ (ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ติเนซ) เขาไม่ได้เป็นคนต้องการตัวเรามาตั้งแต่แรกเหมือนกับ ฟรานซิสโก โรดริเกซ และภาระหน้าที่ของเขา คือ การเข้ามาพาอัลเมเรียรอดตกชั้น”
“การสื่อสารระหว่างผมกับเขา มันแย่กว่าตอนฟรานซิสโกอีก ยิ่งพอแต่ละแมตช์มันต้องตึงเครียดมากขึ้น เขาก็ยิ่งไม่มีเวลามาสนใจเรา มานั่งสื่อสารกับเรา เขาต้องการคนที่พูดได้ ปลุกใจได้เลย พูดแล้วเข้าใจแทคติกได้เลย”
“เรารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้ต้องการตัวเรา มันต่างกับตอนฟรานซิสโก ที่เรารู้ตั้งแต่แรกว่าเขามีส่วนตัดสินใจเลือกผมเข้าสู่ทีมจริงๆ”
“ทุกๆอย่างมันรวดเร็ว ทางสโมสรเมืองทองฯ ได้ติดต่อพูดคุยถึงการขอยกเลิกสัญญายืมตัว ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะได้เราช่วยต่อ มันก็ยิ่งเป็นที่แน่ชัดว่าเขาไม่ต้องการเรา”


ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ติเนซ กุนซือที่เข้ามาแทนที่ ฟรานซิสโก
1 มกราคม 2015 พันจ่าอากาศเอก ประสิทธิ์ แดงดา ออกมายืนยันว่าลูกชายกำลังจะเก็บกระเป๋ากลับเมืองไทย ทุกอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเกมที่เอสตาดิโอ เด โลส ฆวยโกส เมดิเตร์เรเนียน เมื่อวันที่ 11 มกราคม กับ เซบีญ่า ที่เต็มไปด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์อย่าง เกลวิน การ์เมโล่, การ์โลส บัคก้า และ ยาโก อัสปาส กลายเป็นสัมผัสสุดท้ายอย่างเป็นทางการของเขากับชีวิตที่ประเทศสเปน
“เกมกับเซบีญ่า ผมถูกเรียกไปติดเป็นตัวสำรองอีกครั้ง และผมก็ไม่คาดหวังว่าจะได้ลงสนามเป็นครั้งสุดท้ายแล้วด้วย”
“มันเป็น 10 นาทีที่ผมผ่อนคลายมากที่สุดในชีวิตที่สเปน ผมลงเล่นโดยที่ไม่คิดอะไรเลย เราได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา เราไม่ได้รู้สึกว่าต้องวิ่งตามที่โค้ชสั่งทุกอย่าง และผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเกมที่ผมเล่นได้ดีที่สุดด้วย ครองบอลได้ หาจังหวะทำประตูได้”
“ความจริง 6 เดือน ที่อยู่ที่นั่น มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของผมแล้ว หากไม่นับเรื่องความสำเร็จ การยิงประตู หรือการคว้าแชมป์ แต่ถ้าถามว่าเสียดายไหม ผมไม่เสียดาย…”
“และถ้าถามผมว่าหากคิดว่านับเฉพาะเรื่องฟุตบอลเพียวๆผมเล่นได้ไหม? - ผมคิดว่าได้”


Pages

    ข้อมูลจาก http://www.fourfourtwo.com